วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Conjunction

                                                    Conjunction
Conjunction  ถือเป็น Grammarตัวหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ว่ามันทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ไวยากรณ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนได้เป็นอย่างดี
·         และแล้ว Grammarman ก็หยิบยกเอามาเขียนอีกจนได้ ดีมั๊ยคะ
·         เมื่อพูดถึงตัวเชื่อมแน่นอนต้องนึกถึง 2 แบบ
·         1. การเชื่อมความ คือ การเชื่อม ประโยค กับ ประโยค
·         2. การเชื่อมคำ  คือ การเชื่อม ประโยคหรือคำ กับ คำ
·         มาพูดถึงการเชื่อมทั้ง 2 แบบกันเลย
·         การเลือกตัวเชื่อมมีหลายวิธีด้วยกัน อาจเลือกจากความหมายของประโยค เชื่อมเพื่อลำดับเวลา และ อะไรพรรค์นั้น (มันหมายความว่าไงเนี่ย)
·         ตัวเชื่อมประโยคที่เน้นความหมายแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น
·         - ประโยคบอกความคล้อยตามกัน หรือ เสริมความเพิ่มเติม จะใช้
·         and (และ)
·         besides (นอกจาก)
·         as well as (และ , เช่นเดียวกันกับ)
·         furthermore (ยิ่งไปกว่านั้น)
·         both ... and (ทั้ง ... และ)
·         not only ... but also (ไม่เพียงแต่ ... แต่ยัง)
·         in addition (และ)
·         moreover (ยิ่งไปกว่านั้น)
·         - ประโยคบอกความขัดแย้ง จะใช้
·         although / though , even though , even if (ถึงแม้ว่า)
·         however (อย่างไรก็ตาม)
·         but (แต่)
·         still (ยังคง)
·         yet (แต่กระนั้น)
·         nonetheless , nevertheless (แต่กระนั้นก็ตาม)
·         no matter what (ไม่ว่าอะไรก็ตาม)
·         no matter how (ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม)
·         - ประโยคที่ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้
·         either...or (ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง) , neither...nor (ไม่ทั้งคู่)
·         - ประโยคบอกเหตุ ใช้
·         because , as , since , for (เพราะว่า , เนื่องจาก)
·         - ประโยคบอกผล ใช้
·         so , therefore , thus , hence , thereby , accordingly , consequently (ดังนั้น)
·         - ประโยคบอกวัตถุประสงค์ ใช้
·         in order that  , so that (เพื่อที่ว่า)
·         พวกที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นการเชื่อมความ คือ เชื่อมประโยคกับประโยค
·                           
·         มาดูการเชื่อม ประโยค กับ คำ หรือ กลุ่มคำ บ้าง
·         - กลุ่มคำที่แสดงความขัดแย้ง ใช้
·         despite , in spite of (แม้ว่า)
·         - กลุ่มคำที่ใช้บอกเหตุ ใช้
·         due to , owing to , as a result of , on account of , because of , thanks to (เพราะว่า , เนื่องจาก)
·         - กลุ่มคำที่บอกตัวอย่าง ใช้
·         such as (เช่น)
·         - กลุ่มคำที่ใช้บอกวัตถุประสงค์ ใช้
·         in order to , so as to (เพื่อที่จะ)
·         ในตอนนี้แค่เกริ่นนำคร่าวๆ ก่อนนะคะ ในตอนหน้าเราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกัน
                    

http://www.google.co.th/imgres?noj=1&tbm=isch&tbnid=9ILy7nAItmzBCM:&imgrefurl=http://flashgamesfree.info/index.php%3Fcat%3D22%26sub%3D%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%2520%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B5&docid=cu71KCMjhSwgyM&imgurl=http://flashgamesfree.info/back/picture/1321969307.jpg&w=200&h=150&ei=wUsgUun4KoXkkAWR9YDIDw&zoom=1&iact=hc&vpx=1037&vpy=144&dur=247&hovh=120&hovw=160&tx=125&ty=95&page=1&tbnh=120&tbnw=160&start=0&ndsp=30&ved=1t:429,r:13
Nouns ( คำนาม )
Types ( ชนิดของคำนาม )
คำนาม ( Nouns ) หมายถึงคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งต่างๆ สถานที่ คุณสมบัติ สภาพ อาการ การกระทำ ความคิด ความรู้สึก ทั้งที่มีรูปร่างให้มองเห็น และไม่มีรูปร่าง  การแบ่งคำนามสามารถจำแนกได้หลายแบบแล้วแต่ตำรา  เท่าที่รวบรวมนำเสนอในที่นี้มี  4 แบบ คือ
แบบที่  1     แบ่งคำนามเป็น 2 ประเภท
แบบที่  2     แบ่งคำนามเป็น 3 ประเภท
แบบที่  3     แบ่งคำนามเป็น  4 ประเภท
แบบที่  4     แบ่งคำนามเป็น  7 ประเภท
ซึ่ง ใน  7  ประเภทนี้  3 ประเภทสุดท้ายได้แก่ material nouns, concrete nouns  และ mass  nouns อาจจัดอยู่ในกลุ่ม  common nouns  ได้ดังนี้

2 ประเภท
3 ประเภท
4 ประเภท
7 ประเภท
Common Nouns
Proper Nouns
Common Nouns
Proper Nouns
Abstract Nouns
Common Nouns
Proper Nouns
Abstract Nouns
Collective Nouns
1. Common Nouns
2. Proper Nouns
3. Abstract Nouns
4. Collective Nouns
5. Material Nouns
6. Concrete Nouns
7. Mass Nouns
1.Common Noun (นามทั่วไป)
เป็นคำนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ทั่วๆไป ความคิด ( person, animal, place, thing, idea ) โดยไม่เฉพาะเจาะจง กล่าวโดยสรุปคือ คำนามทั้งหลายที่ไม่ใช่ proper nouns คือ common nouns เช่น
สิ่งของ          boy, sign, table, hill, water, sugar, atom, elephant
สถานที่         city, hill, road, stadium, school,company
เหตุการณ์      revolution, journey, meeting
ความรู้สึก      fear, hate, love
เวลา            year, minute, millennium
  • Common Nouns เป็นได้ทั้ง นามนับได้ (Countable) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable )
    Countable Nouns ( นามนับได้ ) สามารถอยู่ทั้งในรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์
            มีตัวตน      เช่น dog, man, coin , note, dollar, table, suitcase
            ไม่มีตัวตน   เช่น day, month, year, action, feeling
    Uncountable Nouns (นามนับไม่ได้ ) หรือ Mass Nouns อยู่ในรูปเอกพจน์ เท่านั้น
            มีตัวตน   เช่น   furniture, luggage, rice, sugar , water ,gold
           ไม่มีตัวตน  เช่น  music, love, happiness, knowledge, advice , information

Common countable
Common uncountable
indefinite(ไม่เจาะจง)
definite(เจาะจง)
indefinite(ไม่เจาะจง)
definite(เจาะจง)
Singular
a cow
the cow
milk
the milk
plural
cows
the cows
-
-
  • Common Nouns จะไม่ขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter ) ยกเว้นเป็นคำขึ้นต้นของประโยค  ตัวอย่าง
Ther are many children on the beach. Children love to swim.
2.Proper Nouns ( นามเฉพาะ )  จะต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของประโยค
  • เป็นคำนามที่เป็นชื่อเฉพาะของ Common Noun เช่น
    ชื่อคน (Person Name) เช่น   Somsak , Tom, Daeng
    ชื่อสถานที่ ( Place Name) เช่น   Australia,Bangkok,Sukhumvit Road, Toyota
    ชื่อบอกระยะเวลา (Time name ) เช่น Saturday, January, Christmas
  • Proper Nouns จะต้องเขียนขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ ( Capital letter )


  • Proper Nouns ปกติจะไม่มี determiner นำหน้า นอกจากอยู่ในรูปของพหูจน์ เช่น the Jones ( ครอบครัวโจนส์ )
    the United States, the Himalayas
    แต่อย่างไรก็ดีมีข้อยกเว้นของคำนามที่ไม่ได้อยู่ในรูปพหูพจน์ เช่น The White House, the Sahara ( ทะเลทราย ),
     
    
http://www.google.co.th/imgres?noj=1&tbm=isch&tbnid=p-I0bHOdKT7ILM:&imgrefurl=http://www.waytoteacher.com/2013/04/path-to-request-teachers-but-not-study.html&docid=PsAUntR8O_7E3M&imgurl=https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi0GY4awqON4UK-xQmrrB47-IMcqJD6KZf9IKlcALpVoNzVSriByo_PlrraZ5Ao9vB0Wf99eJIsj9Q9YZxDsEWLlIXP_2UYNNSQtxeZ2kxNBSpTNSP5NgjDE1y0ZQir-PDu2ZqUZEVTDFw/s320/%2525E0%2525B8%252581%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525AD%2525E0%2525B8%25259A%2525E0%2525B8%25259A%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%252588%2525E0%2525B8%2525B8%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2525B8%2525B9.jpg&w=640&h=461&ei=wUsgUun4KoXkkAWR9YDIDw&zoom=1&iact=hc&vpx=174&vpy=109&dur=108&hovh=190&hovw=265&tx=142&ty=103&page=1&tbnh=132&tbnw=189&start=0&ndsp=30&ved=1t:429,r:9,s:0,i:108&biw=1440&bih=705

หลักการใช้ This-That/These-Those

                              หลักการใช้ this-that/these-those
·    คราวนี้จะมาเล่าถึงคำศัพท์ที่ใช้สำหรับการบ่งบอกตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ คำเหล่านี้เราสามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ในบางครั้งเราอาจจะมองข้ามมันไป ทำให้นำไปใช้ไม่ถูกต้อง คำที่ใช้บ่งบอกตำแหน่งประกอบด้วย This, That, These, Those โดยเราจะแบ่งคำเหล่านี้ออกเป็น  2  กลุ่มด้วยกัน
·          คือ This และ That, These และ Those  เรามาดูทีละคู่
1. This และ That (นี่ และ นั่น)
·         เราจะใช้คำว่า This ในการบ่งบอกถึงสิ่งที่เป็นเอกพจน์ ที่อยู่ใกล้ผู้พูด หรืออยู่ที่ผู้พูด
เช่น This is a pencil. (นี่คือดินสอแท่งหนึ่ง)
แสดงว่าดินสอแท่งนี้จะต้องอยู่ใกล้ผู้พูด หรืออยู่ที่ผู้พูดเลย ในทางตรงกันข้ามกัน
·         เมื่อเราต้องการพูดถึงสิ่งที่เป็นเอกพจน์ที่อยู่ไกลผู้พูดออกไป เราจะใช้คำว่า
That แทน เช่นThat is a red car. (นั่นคือรถยนต์สีแดงคันหนึ่ง)
         ·         2. These และ Those (พวกนี้ หรือเหล่านี้ และ เหล่านั้น หรือพวกนั้น)
·         สำหรับการบ่งบอกถึงสิ่งที่เป็นพหูพจน์ หรือสิ่งที่มีจำนวนมากกว่า 1 ขึ้นไป เราจะใช้คำว่า These และ Those แทน
·         เราจะใช้ These ในการบ่งบอกถึงสิ่งที่เป็นพหูพจน์ที่อยู่ใกล้ผู้พูด หรืออยู่ที่ผู้พูด
 เช่น These are my pencils.  (เหล่านี้คือดินสอของฉัน)
และในทำนองเดียวกัน เราจะใช้คำว่า Thoses ในการแทนถึงสิ่งที่เป็นพหูพจน์ที่อยู่ไกลผู้พูด
 เช่น Those are the fat dogs. (พวกนั้นเป็นหมาอ้วน)



 http://www.google.co.th/imgres?noj=1&tbm=isch&tbnid=fXup0VFFsGs0hM:&imgrefurl=http://allcadet.com/22/177-%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586_%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A/&docid=MrQ6ijshz8H93M&imgurl=http://i1247.photobucket.com/albums/gg634/allcadet2/rtafa.jpg&w=1024&h=640&ei=VT8gUomFDZDtrQeUx4HIDQ&zoom=1&biw=1440&bih=705&iact=rc&dur=2&page=2&tbnh=122&tbnw=179&start=34&ndsp=44&ved=1t:429,r:72,s:0,i:299&tx=115&ty=37

Verb to be

                                                Verb to be (is, am, are)
                Verb  to  be  มีหลักการใช้  ดังนี้
·          1.   ถ้าเป็นกริยาสำคัญในประโยค  มีความหมายว่า  เป็น  อยู่  คือ
·         2.    ใช้วางข้างหน้า กลุ่มคำ   adjective  ( คำคุณศัพท์ )
·         3.    ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Continuous ( ประโยคที่มี กริยา ing )
·         4.    ใช้เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของประโยค Passive  Voice
·         ( ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ )          
·         หลักการใช้กับประธานในประโยค
·       1.  ถ้าประธานที่เป็นเอกพจน์บุรุษที่  ซึ่งได้แก่  He  She  It  หรือ ชื่อคนคนเดียว
.   สัตว์ตัวเดียว  และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง  Verb  to  be  ที่ใช้  คือ  is   เช่น
·                   *He  is  a  teacher.                               *Sam  is  a  singer
·                   *She  is  in  the  room.                         *My  father   is  sleeping.
·                    *It  is  a  dog.                                       *The  pencil  is  on  the  table
·     2.   ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่  1  (  ผู้พูดคนเดียว ) ซึ่งได้แก่  Verb  to  be ที่ใช้  คือ  am                   
·                     *I  am  a  student.         *  I  am  under  the  table.
·      3.  ประธานเป็นพหูพจน์ทุกบุรุษ  ซึ่งได้แก่  We  You  They   หรือ ชื่อคนหลาย 
·    สัตว์หลายตัว และสิ่งของหลายอันที่ถูกกล่าวถึง  Verb  to  be  ที่ใช้  คือ  are เช่น
·                             *We  are  nurses.                    *My  father  and  I  are  in  the  room.
·                       *They  are  policemen.           *Suda and  her  friends  are  under  the  tree.
·                       *You  are  very  good.            *The  players  are  in  the  playground.
·          
·         การสร้างประโยคที่มี Verb  to  be  ให้เป็นประโยคปฏิเสธ.
·         มีวิธีการดังนี้
·                     เติม  not   ลงไปในตำแหน่งที่เรียงต่อจาก Verb  to  be    หลัง  is  am  are  เช่น
·                                 *He  is  not  in  the  room.                   *I  am  not  a  child.
·                                 *They  are  not  teachers.                    *Suda  is  not  reading.
·          หมายเหตุ         รูปย่อของ ปฏิเสธ Verb  to  be  คือ  is  not  ย่อเป็น  isn’t
·                                 am  not  จะไม่ใช้รูปย่อ                        are  not  ย่อเป็น  aren’t
·          
·                 การทำประโยคที่มี  Verb  to  be ให้เป็นประโยคคำถาม Yes  No  Question
·         มีหลักการดังนี้
·                     เอา  Verb  to  be  มาวางหน้าประโยค  และเอาประธานของประโยคมาวาง
·         เรียงต่อจากVerb  to  be  หลังจบประโยค  ต้องใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น
·                                 He  is  in  the  room. เปลี่ยนเป็น  Is  he  in  the  room ?
·                                 They  are  soldiers     เปลี่ยนเป็น   Are  they  soldiers?
·                                 I  am  a  boy.             เปลี่ยนเป็น  Am  I  a  boy


      http://www.google.co.th/imgres?noj=1&tbm=isch&tbnid=ti9BxeQXYTpzxM:&imgrefurl=http://worsilly.exteen.com/20080530/illuscss&docid=IhduwOIF6cdGFM&imgurl=http://farm4.static.flickr.com/3187/2535188439_14380accfc.jpg&w=395&h=307&ei=VT8gUomFDZDtrQeUx4HIDQ&zoom=1&biw=1440&bih=705&iact=rc&dur=1&page=1&tbnh=139&tbnw=179&start=0&ndsp=34&ved=1t:429,r:0,s:0,i:78&tx=144&ty=86